ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน กับชาร์จที่สถานี ต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน?

บ้านvsสถานี
ปัจจุบันนี้ในรถยนต์ไฟฟ้า ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนการเดินทางที่ถูกกว่ารถยนต์ธรรมดาถึงครึ่งหนึ่ง มอบอัตราเร่งที่เร้าใจกว่า แถมตัวรถก็บำรุงรักษาได้ง่ายกว่า  ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะใช้งานง่าย แต่การชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า  เราควรชาร์จแบบไหนดี? โดยทุกวันนี้รูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะมีอยู่ 2 สถานที่หลักๆ ได้แก่การชาร์จตามสถานีชาร์จต่างๆ กับการชาร์จที่บ้าน เรามาดูกันว่าชาร์จแบบไหน มีข้อดี/ข้อเสีย อย่างไร

 ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน (ไฟฟ้าระบบ AC)

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ผ่าน Wallbox นับเป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกที่สุด ณ ปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะบ้านที่ติดตั้งมิเตอร์แบบ TOU ชาร์จรถช่วง Offpeak จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 2.6369 บาทเท่านั้น สมมุติว่าชาร์จ Tesla Model Y Long Range จาก 0-100% ที่มีความจุแบตเตอรี่ 82 kWh หากเราชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% จะเสียค่าไฟฟ้าเพียง 216 บาท
โดยการชาร์จ AC ระบบจะทำการรับไฟฟ้าจาก Wallbox ผ่านเข้าสู่ On-Board AC-charger ในตัวรถ เพื่อแปลงเป็นระบบไฟฟ้าแบบ DC ส่งเข้าสู่แบตเตอรี่
 

 ชาร์จรถไฟฟ้าที่สถานีชาร์จรถยนต์ (ไฟฟ้า ระบบ DC)

การชาร์จที่สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือการชาร์จด้วยระบบ DC นับเป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด เพราะเป็นการชาร์จไฟฟ้าจากหัวจ่ายเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง ไม่ต้องผ่าน On-Board AC-charger ในตัวรถ เหมือนกับการชาร์จด้วยระบบ AC แต่ข้อเสียคือมีราคาสูง โดยในประเทศไทยมีราคาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดถึงหน่วยละ 7.7 บาทเลยทีเดียวและ ณ ปัจจุบันนี้ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่คลอบคลุมมากเหมือนปั้มน้ำมัน
สิ่งแรกที่ว่าที่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าควรทำหลังจากสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วนั่นคือการเตรียมความพร้อมของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เริ่มตั้งแต่ตรวจเช็คตัวมิเตอร์ไฟฟ้าบ้านของเราว่ามีขนาดมากกว่า 15(45)A หรือไม่ แต่ถ้าให้ดีแล้วควรแจ้งการไฟฟ้าขอติดมิเตอร์แบบ TOU และขอไฟฟ้าแบบ 3 เฟส เพื่อรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วย โดยเราสามารถติดต่อกับการไฟฟ้าได้โดยตรง เพื่อสอบถามรายละเอียดได้ครับ และให้ทางการไฟฟ้าเค้าทำการติดตั้งมิเตอร์แบบ TOU ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าของเรา
เนื่องจาก รถยนต์ไฟฟ้าแทบทุกรุ่นที่มีขายในไทย ณ ตอนนี้ มักแถมตู้ชาร์จแบบ Wallbox มาให้อยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกมากยิ่งขึ้นและยิ่งเป็นมิเตอร์แบบ TOU ก็ยิ่งช่วยทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงกว่าเดิมด้วย เพราะการใช้ไฟฟ้าช่วง Off Peak จะมีค่าพลังงานไฟฟ้าที่ถูกกว่านั่นเอง